วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ในจังหวัดบึงกาฬ

บึงกาฬ เมืองมีเสน่ห์ริมแม่น้ำโขง

หาก พูดถึง "จังหวัดบึงกาฬ " แน่นอนว่าชื่อนี้อาจเป็นชื่อใหม่ ที่ยังเรียกกันไม่ค่อยติดปาก แต่ถ้าบอกว่า บึงกาฬ คือจังหวัดที่ 77 ของประเทศไทยหล่ะ คุณคงต้องสงสัยว่าจังหวัดน้องใหม่นี้มีดีอะไรกัน





จังหวัดบึงกาฬ คือ จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย โดย บึงกาฬ นั้นเคยเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดหนองคาย แต่ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งบึงกาฬให้เป็นจังหวัดเรียบร้อยแล้วค่ะ

บึงกาฬ ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก มีภูเขา และยังเป็นอำเภอที่มีเขตพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามไม่แพ้จังหวัดอื่นๆที่ติดกับแม่น้ำโขงเหมือนกัน และฝั่งตรงข้ามจังหวัดบึงกาฬก็ยังมีประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาวอีกด้วย ค่ะ

นอกจากการถูกยกขึ้นเป็นจังหวัดแล้วนั้น บึงกาฬ มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง นี่คงเป็นคำถามแรก ของคนที่กำลังเริ่มสนใจจังหวัดนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว จังหวัดบึงการนั้นมีสถานทีท่องเที่ยวหลายๆแห่งที่น่าสนใจเหมือนกันค่ะ

โดยสถานที่แรกที่ควรมาเยือนเมื่อมาถึงบึงกาฬ คือ หนองกุดทิง ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหนองน้ำแห่งนี้ยังเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดหนองคาย


และในเขตพื้นที่ของหนองกุดทิงนี้เอง มีที่อนุรักษ์เด็ดขาดคือ ไม่ให้คนผ่านไป เลี้ยงสัตว์ จับสัตว์ทุกชนิดในบริเวณนั้นมากกว่า 5 แห่ง จึงมีนกและสัตว์น้ำอาศัยอยู่เพื่อเพาะพันธุ์อย่างมากมายตลอดทั้งปี

สถานที่ต่อมาคือ วัดอาฮงศิลาวาส ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮง อยู่ในเขตบ้านอาฮง โดยภายในวัดนั้นค่อนข้างสงบร่มรื่น เหมาะแก่การมานั่งวิปัสนาเป็นอย่างมาก และใกล้ๆวัดก็มี แก่งอาฮง ซึ่งเป็นแก่งหินกลางลำน้ำโขง บริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาส

แก่งอาฮง ถือว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดไม่สามารถวัดความลึกได้ กระแสน้ำบริเวณแก่งอาฮงจะไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลากและมีกระแสน้ำไหลวนเป็น รูปกรวยขนาดใหญ่ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น "สะดือแม่น้ำโขง" แม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮงมีความกว้างประมาณ 300 เมตร







และที่ดูจะลืมไปเสียไม่ได้ เมื่อมาบึงกาฬแล้วไม่ได้แวะมานมัสการและขอพรจาก หลวงพ่อพระใหญ่ บ้านท่าใคร้ แน่นอนว่าคงน่าเสียดายไม่น้อย โดยหลวงพ่อพระใหญ่ นั้น อยู่ที่วัดโพธาราม ในเขตพื้นที่ของบ้านท่าใคร้ ซึ่งหลวงพ่อพระใหญ่ เป็นพระพุทธรูปรางมารวิชัย โบกฉาบด้วยปูน

วัดโพธารามบ้านท่าไคร้ เป็นวันที่เก่าแก่ที่สุดของบึงกาฬ ซึ่งในแต่ละปีจะมีการจัดงานเทศกาลประจำทุกปี ซึ่งประชาชนต่างก็ให้ความสนใจเคารพนับถือเป็นอย่างมาก

ถัดจากเข้าวัดขอพรแล้วนั้นเราขอแนะนำให้มาเยือน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ซึ่ง ถือว่าเป็นแหล่งต้นน้ำ ลำธารที่สำคัญของบึงกาฬอีกด้วยค่ะ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว นั้นมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชมธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ยังคงมีอยู่จำนวนมาก





และที่ดูจะพลาดไม่ได้ก็คงเป็นการไปชมน้ำตกที่มีชื่อเสียงของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว อย่าง น้ำตกเจ็ดสี โดยแต่เดิมชื่อน้ำตกกะอาม มี 4 ชั้น เป็นน้ำตกจาหน้าผาสูงทำให้เกิดเป็นละอองน้ำ เมื่อกระทบกับแสงแดดจึงเกิดสีต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกนั่นเองค่ะ


จากนั้นไปชม น้ำตกชะแนน ซึ่ง นับเป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว และเดินทางเข้าถึงได้ยากที่สุด การเดินทางเข้าน้ำตกชะแนนสามารถเข้าได้ 2 ทาง โดยรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และทางเรือ

ที่เป็นไฮไลท์ของน้ำตกชะแนน ก็คงจะเป็น สะพานหิน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น้ำลอดหายไปใต้แนวหินที่มีความยาวประมาณ 100 เมตร และมีบึงจระเข้ซึ่งเป็นบึงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่เหนือน้ำตก ครั้งเดินตัดน้ำตกขึ้นไปอีกประมาณ 300 เมตร บริเวณริมบึงมีหาดทรายกว้างเหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นที่กางเต้นท์พักแรมได้ค่ะ


นอกจากนั้นแล้วภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ยังมีน้ำตก และถ้ำอื่นๆที่มีความสวยงามและน่ามาเยือนสักครั้ง ก่อนพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า แวะมาชมแสงสุดท้ายของดวงสุริยันที่ หาดทรายขาว หาดทรายสวยงามริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่มีความยาวประมาณ 2 กม.อีกด้วยค่ะ

แหล่งที่มาข้อมูล http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sitcom&month=05-08-2010&group=32&gblog=36

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น